Skip to main content

Post#18: งานเสร็จตามกำหนด

Post#18:
เคยบ้างมั๊ยครับ รับงานมาแล้วทำไม่เสร็จตามกำหนด?

คำว่า "เสร็จตามกำหนด" นี่ตีความได้ค่อนข้างหลากหลาย

ในมุมของผู้สั่งงาน หมายถึง เสร็จทันกำหนดที่ตกลงกัน และสมบูรณ์เพียงพอที่จะนำไปทำงานต่อ หรือส่งต่อไปยังลำดับชั้นต่อไปได้

ในมุมของผู้ทำงาน หมายถึง ขอให้เสร็จเถอะ ดีหรือไม่ดีก็เป็นอีกเรื่อง แต่เชื่อว่า คนส่วนใหญ่ จะคำนึงถึงมาตรฐานเรื่องนี้ และกลัวว่าการส่งงานส่งเดชไป ตัวเองจะเสียชื่อ (บางคน ถึงขนาดต้องไปขอร้องนายว่าขอยืดเวลาส่งกันเลยทีเดียว)

ส่วนใหญ่เราเป็นแบบไหนกัน?

หากนี่เป็นเพียงรายงานเดี่ยวส่งอาจารย์ คงไม่มีใครเดือดร้อนมากนัก อย่างมากเราก็โดนตัดคะแนน หรือส่งงานแย่ๆ ก็ได้คะแนนน้อย

แต่ถ้าเป็นรายงานกลุ่ม ไอ้งานที่เราไม่ตั้งใจทำ หรือส่งงานช้า มันดันเป็นเหตุให้คนอื่นแย่ไปด้วยนะสิ

เพื่อนอาจไม่พูด แต่โทษสถานเบาก็คือ คราวหน้าก็ไม่ให้อยู่ในกลุ่มด้วย แล้วก็แล้วกันไป หรือโทษสถานหนักก็เลิกคบ

ในชีวิตการทำงาน มันยากกว่านั้น ผลจากการทำงานไม่ทันตามกำหนดหรือการเผางานของเราส่งต่อให้เพื่อนร่วมงาน อาจส่งผลเสียใหญ่หลวงตามมา หรือที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ garbage in garbage out นั่นละครับ คือใส่ขยะลงไป ก็ได้ผลลัพธ์เป็นขยะออกมา

ข้ออ้างที่ว่า ใครๆ ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น น่าจะเป็นข้ออ้างสำหรับคนเห็นแก่ตัว ไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม และที่ร้ายที่สุด ถือว่าขาดจริยธรรมทางการทำงาน

มีวิธีตรวจสอบมั๊ย ว่าเราเป็นแบบแรกหรือแบบหลัง?

วิธีแบบเป็นทางการ คือการประเมิน 360 องศา ซึ่งบริษัทใหญ่ๆ ส่วนมากจะใช้อยู่ คือให้นายประเมิน, ลูกน้องประเมิน และเพื่อนร่วมงานประเมิน

วิธีแบบสามัญ ก็คือ "เสียงนินทา" ซึ่งโดยมาก ถ้าเราได้ยินเสียงนินทาเรื่องนี้ เทียบได้กับมะเร็งขั้น 2 แล้ว คือรักษาได้ถ้าตั้งใจ แต่ถ้าละเลย เข้าขั้น 3 ลามไปขั้น 4 ก็เตรียมตัวฝัง

ใครที่ไม่เคยทำแบบนี้ หรือพลาดโดยเหตุสุดวิสัย ก็ขอให้ได้รับความชื่นชมและให้อภัย ส่วนใครเข้าข่ายแบบหลัง ต้องตรวจเช็คตัวเองดู

เราโกหกคนอื่นได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอกครับ...

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...