Skip to main content

Post#4-101: "เป้าหมาย" มีไว้ให้ "พิชิต"

Post#4-101:
เมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้ว ผมนำข้อคิดของ Jack Welch มาแชร์ไว้ ในช่วงแถวๆ ปีใหม่ (Post#125) ซึ่งเป็นเรื่องของแนวคิดในการที่จะพยายามปรับปรุงตนเองให้เป็นผู้นำที่ดี

เวลาผ่านมาจนถึงวันนี้ ผมก็กลับไปอ่านทบทวนดูว่า สรุปแล้ว จาก 10 ข้อ ผมทำได้กี่ข้อกันแน่?

แน่นอนว่า ผมยังทำได้ไม่ครบทุกข้อ...แต่ประเด็นหลักที่ผมถามตัวเองน่ะ อยู่ที่ตอบตัวเองได้มั๊ย ว่าข้อที่ยังทำไม่ได้ (หรือยังไม่ได้ทำ) นั้นน่ะ เพราะอะไร?

...

จริงๆ แล้ว ในช่วงชีวิตของมนุษย์เรานั้น เราต่างก็ตั้งเป้าหมายนั่น นู่น นี่ เต็มไปหมด...

แต่เรากลับมักจะ "ละเลย" ที่จะทบทวนกับตัวเองว่า จาก 100% ที่ตั้งไว้ เราทำไปได้กี่ % แล้ว?

ว่าแล้ว เราก็ตั้งเป้าหมายใหม่ไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สนใจเป้าหมายเก่าๆ ที่ตั้งไว้...เรียกว่า ตั้งมันไปอย่างนั้นเอง ว่างั้น

นั่นล่ะครับ...คือ "เส้นขั้น" ระหว่าง "ผู้ชนะ" (หรือ ผู้ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จ) กับ "ผู้แพ้" (หรือ ผู้ที่ไม่มีวันประสบความสำเร็จ)

เพราะผู้ชนะตั้งเป้าหมายเพื่อจะ "พิชิต" ในขณะที่ผู้แพ้ตั้งเป้าหมายเพื่อจะ "ล้มเลิก"

...

เปล่าเลยครับ...ผมไม่ได้บอกว่า การตั้งเป้าหมายหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน เป็นเรื่องที่ผิด

เราตั้งเป้าหมายหลายๆ เรื่องได้ แต่เราต้องรู้ว่า เราสามารถจะผลักดันให้เป้าหมายเป็นจริงได้กี่เรื่อง?

คนที่สักแต่ตั้งเป้าหมายโดยไม่เคยตั้งใจจะทำให้มันสำเร็จได้นั้น ก็คงเหมือนกับ คนที่สั่งอาหารตอนที่กำลังหิวหน้ามืด

สั่งมาหลายต่อหลายอย่าง กองเต็มโต๊ะ...สุดท้ายก็กินไม่หมดสักอย่าง ทำให้ต้องเหลือทิ้งอย่างน่าเสียดาย...

แล้วก็มานั่งบ่นทีหลังว่า รู้งี้สั่งน้อยอย่างดีกว่า หมดแล้วไม่อิ่มค่อยสั่งใหม่ก็ได้

...

อย่ากังวลว่า เป้าหมายของเราจะเล็กเกินไป เพราะจุดสำคัญไม่ได้วัดที่ขนาดของเป้าหมาย หากแต่วัดกันที่เราทำเป้าหมายให้เป็นจริงได้หรือไม่ ต่างหาก

เราจะพิชิตเป้าวิ่ง 42.5 กิโลฯ ได้ยังไง...ถ้าหากเรายังไม่เคยเข้าเส้นชัยที่ 5 กิโลฯ หรือ 10 กิโลฯ เลยสักหน?

เราจะลดน้ำหนักได้ยังไง...ถ้ายังมัวแต่บอกตัวเองว่า พรุ่งนี้ค่อยลดๆๆ?

เราจะประสบความสำเร็จได้ยังไง...ถ้ามัวแต่คิด, คิด แล้วก็คิด โดยไม่ลุกขึ้นมาทำให้มันเกิดขึ้นสักที?

...

ถ้าเราชนะตัวเองในเรื่องเล็กๆ ไม่ได้...ทำไมถึงมั่นใจว่า เราจะชนะตัวเองในเรื่องที่ใหญ่กว่ามากๆ ได้?

ถ้าคิดอย่างเดียวแล้วทำให้งานสำเร็จได้...สงสัยว่า โลกนี้ คงไม่มี "คนที่ล้มเหลว" อยู่จริง

อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น...ก็ขยันทำงานเก็บเงินสิครับ หรือจะรอลุ้นแต่กับแค่ชิงโชคฝาชาเขียว?

ถ้าคิดว่า "โชค" จะเข้าข้างเราได้ตลอดกาล...น่ากลัวว่า เราคงต้องตัดคำว่า "โชคร้าย" ออกจากพจนานุกรม

...หรือต่อให้เราโชคดีตลอดกาลจริงๆ...จะไม่อายเหรอครับ ที่จะบอกใครๆ ว่า ที่เราประสบความสำเร็จได้น่ะ เพราะ "โชค" ไม่ใช่ "ฝีมือ"...

#ตั้งเป้าแล้วจงลงมือทำ #ล้มเหลวไม่ได้แปลว่าพ่ายแพ้ #แต่ล้มเลิกน่ะเป็นฝาแฝดกับพ่ายแพ้แน่ๆ #จงภูมิใจในฝีมือไม่ใช่โชค

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...