Skip to main content

Post#4-100: พักร้อนให้สบาย

Post#4-100:
เดือนนี้เป็นเดือนที่ผู้คนทั้งหลายต่างมีอารมณ์อยากทำงานน้อยเหลือเกิน...ซึ่งผมเข้าใจว่า คงเพราะมันเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองของคนทั้งโลก

หลายๆ คนลาพักตามสิทธิ์ที่มีอยู่, หลายๆ คนป่วยบ่อยหน่อยในช่วงบ่ายวันพฤหัสฯ และมักหายดีในวันอังคาร และอีกหลายๆ คนที่มักจะเดินสายตรวจงานต่างจังหวัดในช่วงนี้

ต่างคนต่างก็มีวิธีของตน ที่จะหลีกลี้หนีหน้าไปจากการทำงาน...โดยเฉพาะคนที่ทำงานในกรุงเทพฯ ที่จะเกิดอาการ "ภูมิแพ้กรุงเทพฯ" ขึ้นมาอย่างเฉียบพลันและทันที

...

ความจริงการ "ลางาน" นั้นต่างจากการ "ทิ้งงาน" อยู่ค่อนข้างมากนะครับ

แม้เราจะใช้สิทธิ์ "พักร้อน" อย่างถูกต้อง แต่ไปโดยงานไม่เสร็จ หรือไม่มีผู้รับผิดชอบทำงานแทน...ก็ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างกัน

ดังนั้น ถ้าอยากไปพักผ่อนโดยไม่มีใครกวนใจ เราจึงควรต้องสะสางงานให้เรียบร้อยในระดับหนึ่งก่อน

หากว่าจำเป็นต้องไปกับครอบครัวจริงๆ ทั้งที่ยังเคลียร์งานไม่จบ...ก็คงไปได้ครับ

หากแต่ต้องเปิดโอกาสให้บริษัทฯ ติดต่อเราได้บ้าง เพื่อให้งานเดินต่อไปได้

อย่าลืมว่า การที่บริษัทฯ ยอมให้เราลางานไปเที่ยว ก็ถือเป็นการเห็นอกเห็นใจเราพอสมควรแล้ว

...

ดังนั้น ก่อนเราจะโทษว่า บริษัทฯ ไม่เห็นใจ หรือนายโหดร้าย...ขนาดลามาเที่ยว ก็ยังให้ใครโทรมาถามหรือตามงาน ก็ต้องถามตัวเองก่อนว่า...

ก็แล้วตัวเราล่ะ ใจดำมากไปมั๊ย ที่ลาพักร้อนได้ลงคอ ทั้งๆ ที่งานของตัวเองก็ยังไม่เรียบร้อย...แถมด้วยการไม่ได้ฝากอะไรกับใครไว้เลย

ทั้งเราและบริษัทฯ ต่างต้องพึ่งพาอาศัยกัน แบบ "น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า" ดังนั้น ก็ควรคิดให้ถ้วนถี่สักหน่อย ว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำนั้น ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ หรือไม่

ยิ่งถ้าเป็นช่วงสุดท้ายก่อนจากลา...ยิ่งต้องจากลาอย่างสง่างามครับ ไม่ใช่ไปแบบให้โดนด่าทิ้งท้าย

ส่วนใครที่คิดว่า ไม่แคร์หรอก ว่านายหรือบริษัทฯ จะเดือดร้อนยังไง...ก็อยากให้นึกถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดกับเพื่อนร่วมงานแทน ก็แล้วกันครับ

...แต่ถ้าใครจะไม่แคร์ใครทั้งสิ้นในโลกนี้ ก็ขอให้ใครคนนั้นโชคดีและยังมีงานให้ทำไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันครับ...

#ลางานไม่ใช่ทิ้งงาน #โทษนายไม่เคยโทษตัวเอง #นายใจร้ายหรือเราใจดำ #พักร้อนสบายเราอย่าลำบากคนอื่น

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...