Post#4-115:
บางคนมีอาชีพเป็นครู...แต่มิได้เป็นครูมืออาชีพ
บางคนมีอาชีพเป็นนักขาย...แต่มิได้เป็นนักขายมืออาชีพ
บางคนเป็นพนักงานบริษัท...แต่มิได้เป็นพนักงานบริษัทมืออาชีพ
เหล่านี้ เพราะคนบางคนเหล่านั้น ทำงานเพื่อเงินเป็นหลัก...แต่หาได้มีความรักและมีความภาคภูมิในอาชีพแห่งตนไม่
...
หลายคนอาจกำลังสงสัยว่า "อ้าว!...ก็แล้วยังไงล่ะ...มันก็เป็นเรื่องธรรมดาโลกไม่ใช่หรือ?"
สำหรับผมแล้ว...มันต่างกันมากครับ ระหว่างการที่คนเราทำงานเพื่อเงิน กับการที่คนเราทำงานเพื่อให้ได้เงิน
แบบแรก เราสักแต่ทำงานเพียงเพื่อให้ได้เงิน...แต่แบบหลังเราตั้งใจทำงานเพื่อให้ได้เงินเป็นค่าตอบแทน
ผลลัพธ์ระหว่างทั้ง 2 แบบนี้ อาจจะเหมือนกันตรงที่ได้ "เงิน"...แต่สิ่งที่จะติดตัวเราไปสู่อนาคตนั้น มันจะต่างกันอย่างมาก แน่ๆ
...
คนที่ "ทำงานเพื่อเงิน" นั้น จะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เรียกว่า ย้ายงานเปลี่ยนอาชีพก็เอา...ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมาให้มากที่สุด
ส่วนคนที่ทำงาน "เพื่อให้ได้เงินมา" นั้น...คือการฝีมือในการทำงาน และใช้ "ผลงาน" เพื่อแลกค่าตอบแทนมาเลี้ยงชีพ
แปลว่า ในระยะยาวแล้ว คนแบบแรก อาจมีทางชีวิตที่ยากกว่า เพราะอาจจะไม่มีโอกาสที่จะเชี่ยวชาญในสายงานใดสายงานหนึ่ง ก็เป็นได้
ฉะนั้น...การทำงานเพื่อเงิน จึงต่างจาก การทำงานให้ได้เงิน...ฉะนี้
...
ดังนั้น เมื่อเราได้ก้าวเข้าสู่โลกของการทำงาน...จงไล่ตามงานที่จะทำให้เรายืนหยัดได้จนถึงวันเกษียณ หาใช่งานที่ให้ค่าตอบแทนสูงๆ แต่เพียงเท่านั้น
เมื่อทำงานและใช้ชีวิตไปถึงจุดหนึ่ง...เราจะค้นพบว่า เรามิอาจจะมีความสุขเพียงเพราะเรามีเงินมากๆ เท่านั้น หากแต่ต้องมีอาชีพที่เรารักเป็นตัวหล่อเลี้ยงหัวใจของเราด้วย
เลือก "เงิน" มากในช่วงต้น...ในบั้นปลายอาจไม่เหลือทั้งเงินและความเชี่ยวชาญ
เลือก "งาน" มากในช่วงต้น...ไม่ช้า ทั้งเงินและความเชี่ยวชาญ ก็จะตามมา
...ทำงาน จึงควรมุ่งงานให้มากกว่าเงิน เพื่อว่าในวันหนึ่ง เราจะทำเงินจากความเชี่ยวชาญในงาน...
#งานคือเงินแต่เงินอาจไม่ใช่งาน #งานที่ทำเงินและสร้างความสุขจึ่งเป็นงานที่แท้ #ถ้าต้องเกษียณไปโดยไม่มีความภูมิใจใดๆนี่ถูกแล้วใช่มั๊ย
บางคนมีอาชีพเป็นครู...แต่มิได้เป็นครูมืออาชีพ
บางคนมีอาชีพเป็นนักขาย...แต่มิได้เป็นนักขายมืออาชีพ
บางคนเป็นพนักงานบริษัท...แต่มิได้เป็นพนักงานบริษัทมืออาชีพ
เหล่านี้ เพราะคนบางคนเหล่านั้น ทำงานเพื่อเงินเป็นหลัก...แต่หาได้มีความรักและมีความภาคภูมิในอาชีพแห่งตนไม่
...
หลายคนอาจกำลังสงสัยว่า "อ้าว!...ก็แล้วยังไงล่ะ...มันก็เป็นเรื่องธรรมดาโลกไม่ใช่หรือ?"
สำหรับผมแล้ว...มันต่างกันมากครับ ระหว่างการที่คนเราทำงานเพื่อเงิน กับการที่คนเราทำงานเพื่อให้ได้เงิน
แบบแรก เราสักแต่ทำงานเพียงเพื่อให้ได้เงิน...แต่แบบหลังเราตั้งใจทำงานเพื่อให้ได้เงินเป็นค่าตอบแทน
ผลลัพธ์ระหว่างทั้ง 2 แบบนี้ อาจจะเหมือนกันตรงที่ได้ "เงิน"...แต่สิ่งที่จะติดตัวเราไปสู่อนาคตนั้น มันจะต่างกันอย่างมาก แน่ๆ
...
คนที่ "ทำงานเพื่อเงิน" นั้น จะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เรียกว่า ย้ายงานเปลี่ยนอาชีพก็เอา...ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมาให้มากที่สุด
ส่วนคนที่ทำงาน "เพื่อให้ได้เงินมา" นั้น...คือการฝีมือในการทำงาน และใช้ "ผลงาน" เพื่อแลกค่าตอบแทนมาเลี้ยงชีพ
แปลว่า ในระยะยาวแล้ว คนแบบแรก อาจมีทางชีวิตที่ยากกว่า เพราะอาจจะไม่มีโอกาสที่จะเชี่ยวชาญในสายงานใดสายงานหนึ่ง ก็เป็นได้
ฉะนั้น...การทำงานเพื่อเงิน จึงต่างจาก การทำงานให้ได้เงิน...ฉะนี้
...
ดังนั้น เมื่อเราได้ก้าวเข้าสู่โลกของการทำงาน...จงไล่ตามงานที่จะทำให้เรายืนหยัดได้จนถึงวันเกษียณ หาใช่งานที่ให้ค่าตอบแทนสูงๆ แต่เพียงเท่านั้น
เมื่อทำงานและใช้ชีวิตไปถึงจุดหนึ่ง...เราจะค้นพบว่า เรามิอาจจะมีความสุขเพียงเพราะเรามีเงินมากๆ เท่านั้น หากแต่ต้องมีอาชีพที่เรารักเป็นตัวหล่อเลี้ยงหัวใจของเราด้วย
เลือก "เงิน" มากในช่วงต้น...ในบั้นปลายอาจไม่เหลือทั้งเงินและความเชี่ยวชาญ
เลือก "งาน" มากในช่วงต้น...ไม่ช้า ทั้งเงินและความเชี่ยวชาญ ก็จะตามมา
...ทำงาน จึงควรมุ่งงานให้มากกว่าเงิน เพื่อว่าในวันหนึ่ง เราจะทำเงินจากความเชี่ยวชาญในงาน...
#งานคือเงินแต่เงินอาจไม่ใช่งาน #งานที่ทำเงินและสร้างความสุขจึ่งเป็นงานที่แท้ #ถ้าต้องเกษียณไปโดยไม่มีความภูมิใจใดๆนี่ถูกแล้วใช่มั๊ย
Comments
Post a Comment