Post#19:
ช่วงไตรมาสสุดท้ายทีไร มักจะได้ยินเสียงบ่นมาเข้าหู เรื่องนายสั่งให้รัดเข็มขัด ควบคุมค่าใช้จ่าย ทุกทีไป
จริงๆ นายไม่ได้มาสั่งเอาช่วงปลายปีหรอกครับ สั่งมาตลอดนั่นแหละ เพียงแต่ช่วงปลายๆ ปีนี่ จะมีการเน้นย้ำเป็นพิเศษ
ถามว่า ทำไมต้องรัดเข็มขัดด้วย ประหยัดช่วยอะไรบริษัทได้มากขนาดนั้นเลยหรือ?
ตอบว่า ช่วยเยอะครับ เพราะประหยัด 1 บาท เท่ากับ กำไรของบริษัท เพิ่มขึ้นทันที 1 บาท ดีกว่าทำยอดขายเยอะ
งงมั๊ยครับ อธิบายใหม่เป็นตัวเลขให้เห็นภาพ
ถ้าปกติบริษัทขายสินค้า 100 บาท ได้กำไรหลังหักต้นทุนขายแล้ว 10 บาท แปลว่า กำไร 10%
กำไร 10% หรือ 10 บาท นี่แหละ ที่บริษัทนำมาใช้จ่าย ทั้งจ่ายเงินเดือน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจิปาถะ
ถ้าปกติ บริษัทมีค่าใช้จ่ายข้างต้นอยู่ 6 บาท แปลว่า หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ก็จะเหลือ 4 บาท
ถ้าต้องการกำไรเพิ่มขึ้น 1 บาท บริษัทต้องขายเพิ่ม 10 บาท แต่ถ้าพวกเราช่วยบริษัทประหยัดได้ 1 บาท แปลว่า ค่าใช้จ่ายเหลือ 5 บาท บริษัทก็จะได้กำไรเพิ่มทันที 1 บาท โดยไม่ต้องขายเพิ่ม
แบบนี้แล้ว การช่วยบริษัทประหยัด จะไม่สำคัญได้อย่างไร?
เพื่อนร่วมงานท่านหนึ่ง ที่ผมรักเสมือนพี่สาว เธอทำงานเป็น VP ด้านการเงินและบัญชี สอนว่า ในการดูแลค่าใช้จ่าย ให้ยึดหลัก 3C
1.Cost Control หมายถึง ต้องพยายามช่วยกันควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในกรอบงบประมาณที่บริษัทกำหนด อย่าใช้เกิน ไม่ต้องใช้ให้ทะลุเป้า
2.Cost Conscious หมายถึง ต้องระลึกอยู่เสมอ ว่าบริษัทก็เหมือนบ้านของเรา ไม่ใช่นายด่ามา ก็โมโหไปลงกับบริษัท ใช้จ่ายสะบั้นหั่นแหลก หรือเบียดบังใช้ทรัพย์สินบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตน (แอบเข้า Facebook ด้วย wifi ของบริษัท ก็เข้าข่ายนี้ครับ ^^)
3.Cost Reduction หมายถึง ต้องพยายาม หาแนวทางหรือวิธีในการลดค่าใช้จ่ายลง ทำงานด้วยทรัพยากรที่น้อยลง ใช้จ่ายลดลง แต่ประสิทธิภาพของงาน ต้องใกล้เคียงของเดิม
ก็ฝากไปคิดต่อยอดกันครับ จำไว้ว่า ก่อนจะถามว่า บริษัทให้อะไรกับเรา ควรถามว่า เราทำอะไรให้บริษัทแล้วบ้าง
การเป็นผู้ให้ก่อน สุขใจเสมอ เราทำงานเพื่องาน แล้วเงินจะตามมาเองครับ แต่ถ้าทำงานเพื่อเงิน เราจะชนะในระยะสั้นๆ ไม่มีทางเติบโตไปกับบริษัทได้
ช่วงไตรมาสสุดท้ายทีไร มักจะได้ยินเสียงบ่นมาเข้าหู เรื่องนายสั่งให้รัดเข็มขัด ควบคุมค่าใช้จ่าย ทุกทีไป
จริงๆ นายไม่ได้มาสั่งเอาช่วงปลายปีหรอกครับ สั่งมาตลอดนั่นแหละ เพียงแต่ช่วงปลายๆ ปีนี่ จะมีการเน้นย้ำเป็นพิเศษ
ถามว่า ทำไมต้องรัดเข็มขัดด้วย ประหยัดช่วยอะไรบริษัทได้มากขนาดนั้นเลยหรือ?
ตอบว่า ช่วยเยอะครับ เพราะประหยัด 1 บาท เท่ากับ กำไรของบริษัท เพิ่มขึ้นทันที 1 บาท ดีกว่าทำยอดขายเยอะ
งงมั๊ยครับ อธิบายใหม่เป็นตัวเลขให้เห็นภาพ
ถ้าปกติบริษัทขายสินค้า 100 บาท ได้กำไรหลังหักต้นทุนขายแล้ว 10 บาท แปลว่า กำไร 10%
กำไร 10% หรือ 10 บาท นี่แหละ ที่บริษัทนำมาใช้จ่าย ทั้งจ่ายเงินเดือน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจิปาถะ
ถ้าปกติ บริษัทมีค่าใช้จ่ายข้างต้นอยู่ 6 บาท แปลว่า หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ก็จะเหลือ 4 บาท
ถ้าต้องการกำไรเพิ่มขึ้น 1 บาท บริษัทต้องขายเพิ่ม 10 บาท แต่ถ้าพวกเราช่วยบริษัทประหยัดได้ 1 บาท แปลว่า ค่าใช้จ่ายเหลือ 5 บาท บริษัทก็จะได้กำไรเพิ่มทันที 1 บาท โดยไม่ต้องขายเพิ่ม
แบบนี้แล้ว การช่วยบริษัทประหยัด จะไม่สำคัญได้อย่างไร?
เพื่อนร่วมงานท่านหนึ่ง ที่ผมรักเสมือนพี่สาว เธอทำงานเป็น VP ด้านการเงินและบัญชี สอนว่า ในการดูแลค่าใช้จ่าย ให้ยึดหลัก 3C
1.Cost Control หมายถึง ต้องพยายามช่วยกันควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในกรอบงบประมาณที่บริษัทกำหนด อย่าใช้เกิน ไม่ต้องใช้ให้ทะลุเป้า
2.Cost Conscious หมายถึง ต้องระลึกอยู่เสมอ ว่าบริษัทก็เหมือนบ้านของเรา ไม่ใช่นายด่ามา ก็โมโหไปลงกับบริษัท ใช้จ่ายสะบั้นหั่นแหลก หรือเบียดบังใช้ทรัพย์สินบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตน (แอบเข้า Facebook ด้วย wifi ของบริษัท ก็เข้าข่ายนี้ครับ ^^)
3.Cost Reduction หมายถึง ต้องพยายาม หาแนวทางหรือวิธีในการลดค่าใช้จ่ายลง ทำงานด้วยทรัพยากรที่น้อยลง ใช้จ่ายลดลง แต่ประสิทธิภาพของงาน ต้องใกล้เคียงของเดิม
ก็ฝากไปคิดต่อยอดกันครับ จำไว้ว่า ก่อนจะถามว่า บริษัทให้อะไรกับเรา ควรถามว่า เราทำอะไรให้บริษัทแล้วบ้าง
การเป็นผู้ให้ก่อน สุขใจเสมอ เราทำงานเพื่องาน แล้วเงินจะตามมาเองครับ แต่ถ้าทำงานเพื่อเงิน เราจะชนะในระยะสั้นๆ ไม่มีทางเติบโตไปกับบริษัทได้
Comments
Post a Comment