Post#4-106:
เคยนั่งดูภาพถ่ายเก่าๆ แล้วจู่ๆ ก็หัวเราะแบบกลั้นไม่อยู่กันบ้างมั๊ยครับ?
จำความรู้สึกขณะกดชัตเตอร์หรือกำลังอยู่ในเฟรมได้มั๊ยครับ?
หากใครจำได้ ก็คงจะเป็นเหมือนผม คือเมื่อได้ดูภาพถ่ายแล้ว...มันก็เหมือนลิ้นชักความทรงจำของเราถูกเปิดขึ้น...
ไม่ว่าตอนนั้นรู้สึกอะไร หรืออย่างไร...เราก็มักจะจำมันได้ในชั่วพริบตา
ภาพถ่ายจึงเป็นมากกว่าภาพถ่าย เพราะสำหรับผม ภาพถ่ายมันคือ "ภาพความทรงจำ" เสียล่ะมากกว่า
...
หลายปีที่ผ่านมา...ผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูปมากนัก...เว้นแต่เป็นการถ่ายกับครอบครัว หรือถ่ายกับลูกสาว เสียเป็นส่วนมาก
ผมชอบถ่ายรูปลูกสาว...ชอบตอนที่เธอยิ้ม, หัวเราะ หรือแม้แต่ตอนที่เธอทำหน้างอใส่กล้อง
ความตั้งใจก็คือ จะเก็บภาพถ่ายเหล่านั้นไว้ให้ลูกได้ดูตอนโต...เผื่อไว้เวลาที่ผมแก่เฒ่า ก็คงจะมีความสุขไม่น้อยที่จะได้พูดคุยเรื่องอดีตกับลูกบ้าง ^^
...
บางทีผมก็อยากรู้ ว่าความทรงจำในฐานะคนในภาพถ่ายกับคนที่ถ่ายภาพนั้น จะเหมือนกันหรือผิดแผกแตกต่างกันมากมั๊ยหนอ?
ผมอาจจะรู้สึกแบบหนึ่ง ในขณะที่ลูกสาวอาจจะไม่ได้รู้สึกแบบที่ผมรู้สึกอยู่ก็เป็นได้
หากได้มานั่งคุยแลกเปลี่ยนกัน...มันคงทำให้เข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายได้มากขึ้นกระมังครับ?
...
ในชีวิตแต่ละวันของเรา...เราต่างก็เป็นทั้งคนถ่ายภาพและคนถูกถ่ายภาพไปพร้อมๆ กัน
ทั้งนี้ มันก็ขึ้นอยู่กับว่า เรากำลังมีปฏิสัมพันธ์กับคนไหนอยู่...และเราอยากจะจดจำเค้าในรูปแบบไหน?
ถ้านับกันจริงๆ ผมเชื่อว่าเรามีถาพถ่ายที่เรายิ้ม มากกว่าที่เราบึ้ง...และเราทุกคนก็น่าจะชอบถ่ายภาพรอยยิ้มของผู้คน มากกว่าจะถ่ายภาพความบึ้งตึง
ใครถ่ายภาพบ่อยๆ คงจะเข้าใจดีว่า วิธีการที่จะทำให้คนในภาพถ่ายยิ้มนั้น...ต้องเริ่มจากตากล้องนั่นเอง ที่จะต้องเป็นฝ่ายยิ้มก่อน
...คงไม่ต้องเฉลยใช่มั๊ยครับ ว่าถ้าเราอยากให้ผู้คนที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วย...ปรากฏในห้วงนึกของเราแบบมีรอยยิ้ม...เราจะต้องทำยังไงดีเอ่ย?...
#อยากได้ภาพคนยิ้มเราต้องกดชัตเตอร์ด้วยรอยยิ้ม #ให้ยิ้มไปจึ่งจะได้ยิ้มตอบแทน #บางครั้งวันที่แย่ยิ้มก็ช่วยได้ไม่น้อย #สุขตั้งแต่ยิ้มแล้ว
เคยนั่งดูภาพถ่ายเก่าๆ แล้วจู่ๆ ก็หัวเราะแบบกลั้นไม่อยู่กันบ้างมั๊ยครับ?
จำความรู้สึกขณะกดชัตเตอร์หรือกำลังอยู่ในเฟรมได้มั๊ยครับ?
หากใครจำได้ ก็คงจะเป็นเหมือนผม คือเมื่อได้ดูภาพถ่ายแล้ว...มันก็เหมือนลิ้นชักความทรงจำของเราถูกเปิดขึ้น...
ไม่ว่าตอนนั้นรู้สึกอะไร หรืออย่างไร...เราก็มักจะจำมันได้ในชั่วพริบตา
ภาพถ่ายจึงเป็นมากกว่าภาพถ่าย เพราะสำหรับผม ภาพถ่ายมันคือ "ภาพความทรงจำ" เสียล่ะมากกว่า
...
หลายปีที่ผ่านมา...ผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูปมากนัก...เว้นแต่เป็นการถ่ายกับครอบครัว หรือถ่ายกับลูกสาว เสียเป็นส่วนมาก
ผมชอบถ่ายรูปลูกสาว...ชอบตอนที่เธอยิ้ม, หัวเราะ หรือแม้แต่ตอนที่เธอทำหน้างอใส่กล้อง
ความตั้งใจก็คือ จะเก็บภาพถ่ายเหล่านั้นไว้ให้ลูกได้ดูตอนโต...เผื่อไว้เวลาที่ผมแก่เฒ่า ก็คงจะมีความสุขไม่น้อยที่จะได้พูดคุยเรื่องอดีตกับลูกบ้าง ^^
...
บางทีผมก็อยากรู้ ว่าความทรงจำในฐานะคนในภาพถ่ายกับคนที่ถ่ายภาพนั้น จะเหมือนกันหรือผิดแผกแตกต่างกันมากมั๊ยหนอ?
ผมอาจจะรู้สึกแบบหนึ่ง ในขณะที่ลูกสาวอาจจะไม่ได้รู้สึกแบบที่ผมรู้สึกอยู่ก็เป็นได้
หากได้มานั่งคุยแลกเปลี่ยนกัน...มันคงทำให้เข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายได้มากขึ้นกระมังครับ?
...
ในชีวิตแต่ละวันของเรา...เราต่างก็เป็นทั้งคนถ่ายภาพและคนถูกถ่ายภาพไปพร้อมๆ กัน
ทั้งนี้ มันก็ขึ้นอยู่กับว่า เรากำลังมีปฏิสัมพันธ์กับคนไหนอยู่...และเราอยากจะจดจำเค้าในรูปแบบไหน?
ถ้านับกันจริงๆ ผมเชื่อว่าเรามีถาพถ่ายที่เรายิ้ม มากกว่าที่เราบึ้ง...และเราทุกคนก็น่าจะชอบถ่ายภาพรอยยิ้มของผู้คน มากกว่าจะถ่ายภาพความบึ้งตึง
ใครถ่ายภาพบ่อยๆ คงจะเข้าใจดีว่า วิธีการที่จะทำให้คนในภาพถ่ายยิ้มนั้น...ต้องเริ่มจากตากล้องนั่นเอง ที่จะต้องเป็นฝ่ายยิ้มก่อน
...คงไม่ต้องเฉลยใช่มั๊ยครับ ว่าถ้าเราอยากให้ผู้คนที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วย...ปรากฏในห้วงนึกของเราแบบมีรอยยิ้ม...เราจะต้องทำยังไงดีเอ่ย?...
#อยากได้ภาพคนยิ้มเราต้องกดชัตเตอร์ด้วยรอยยิ้ม #ให้ยิ้มไปจึ่งจะได้ยิ้มตอบแทน #บางครั้งวันที่แย่ยิ้มก็ช่วยได้ไม่น้อย #สุขตั้งแต่ยิ้มแล้ว
Comments
Post a Comment