Post#4-099:
ก่อนกลับบ้านค่ำนี้ ผมหอบถุงพะรุงพะรังนิดหน่อย แล้วก็ดันแวะเข้าห้องน้ำ
พอเข้าห้องน้ำปุ๊บ...ผมก็วางถุงไว้แถวๆ อ่างล้างมือ แต่วางไว้แบบหมิ่นเหม่ต่อการตกไปหน่อย...ด้วยเพราะรีบจะไปประจำที่ ^^
ใจน่ะคิดว่า วางถุงไว้สุ่มเสี่ยงต่อการตกนะ แต่ตัวน่ะไปยืนปลดซิปเรียบร้อยแล้ว
และทันใดนั้น กฎของเมอร์ฟี่ก็ทำงานของมัน...ผมได้ยินเสียงเหมือนวัตถุเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ
ใช่แล้วครับ...ก็ถุงที่วางไว้หมิ่นเหม่นั่นล่ะครับ ที่ขยับเอนลงช้าๆ แล้วก็หยุด แล้วก็ขยับช้าลงอีก แล้วก็หยุด
ซึ่งผมได้แค่หันไปมอง และป้องกันด้วยสายตา...เพราะขยับตัวไม่ได้เสียแล้ว :P
...
ระหว่างทำธุระไป...ผมก็นึกตำหนิตัวเองไปด้วย ว่ากะแค่เสียเวลาเพิ่มขึ้นอีกแค่ 1 วินาที เพื่อวางถุงให้เรียบร้อย ทำไมไม่ทำ?
เพราะถ้าทำให้ดีตั้งแต่แรก ผมก็ไม่ต้องมาเอี้ยวคอคอยลุ้นว่าถุงจะตกรึเปล่า อีกกว่าสิบวินาที (ไม่ได้จับเวลาจริงจังนะครับ...อิอิ)
นึกเหมือนผมบ้างมั๊ยครับ? ว่าบ่อยครั้งเหลือเกินที่เรามักง่ายแบบไม่เข้าท่า เพราะจะรีบทำเวลา...
แต่กลับกลายเป็นว่า ใจเราน่ะ ต้องมามัวพะวงกับอะไรที่เราทำไปลวกๆ ไว้ก่อนหน้า
คุ้มมั๊ยหนอ? กับแค่การประหยัดเวลาเท่าผีเสื้อกระพือปีก แต่กลายเป็นใจต้องมารู้สึกเหมือนไฟเผาอยู่เป็นนานสองนาน
เป็นต้นว่า รีบออกจากบ้าน แล้วจำไม่ได้ว่าล็อคบ้านรึยัง?, เสียบปลั๊กเตารีดไว้รึเปล่า?, ให้ข้าวหมารึยังนะ?, ฯลฯ
...แล้ววันทั้งวันเราก็ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ อยู่นั่นเอง ส่วนพวกที่กังวลหนักเข้าหน่อยก็ถึงกับต้องย้อนกลับไปดูอีกทีให้แน่ใจกันเลยทีเดียว
...
ไม่รู้จะโมเมว่านี่เป็นนิสัยของคนเมืองได้รึเปล่าหนอ? ที่ทำอะไรก็ดูจะรีบเร่งและฉาบฉวยไปมาก...จนกลายเป็น "รีบจนล่ก"
แล้วรีบจนล่กนั่นเอง...ที่นำเราหลายๆ คนไปสู่ "การได้ไม่คุ้มเสีย" ในที่สุด
ซึ่งเวลาทำงานก็ไม่ต่างกันครับ...เราคิดแต่จะเร่งงานให้เสร็จโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของงานรึเปล่า?
คิดแต่ว่าจะเร่งๆ ให้เสร็จงาน ให้มันพ้นๆ ไป...ดีไม่ดี นายอาจสั่งให้แก้ใหม่ทั้งหมด แปลว่า ที่เผางานไปไม่ได้ทำให้ประหยัดเวลา แต่ทำให้เสียเวลาเป็น 2 เท่า แถมเสียเครดิตไปอีกไม่รู้เท่าไหร่?
ปรัชญาจากห้องน้ำ จึงเตือนใจผมว่า
...ทำอะไรด้วยความรีบได้ แต่อย่าล่ก และทำงานด้วยความเร็วที่มากขึ้นได้ แต่คุณภาพต้องไม่ตก...
#รีบได้แต่อย่าล่ก #ได้ไม่คุ้มเสีย #ทุเรศแค่ไหนถามใจดู #ปรัชญาจากห้องน้ำ
ก่อนกลับบ้านค่ำนี้ ผมหอบถุงพะรุงพะรังนิดหน่อย แล้วก็ดันแวะเข้าห้องน้ำ
พอเข้าห้องน้ำปุ๊บ...ผมก็วางถุงไว้แถวๆ อ่างล้างมือ แต่วางไว้แบบหมิ่นเหม่ต่อการตกไปหน่อย...ด้วยเพราะรีบจะไปประจำที่ ^^
ใจน่ะคิดว่า วางถุงไว้สุ่มเสี่ยงต่อการตกนะ แต่ตัวน่ะไปยืนปลดซิปเรียบร้อยแล้ว
และทันใดนั้น กฎของเมอร์ฟี่ก็ทำงานของมัน...ผมได้ยินเสียงเหมือนวัตถุเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ
ใช่แล้วครับ...ก็ถุงที่วางไว้หมิ่นเหม่นั่นล่ะครับ ที่ขยับเอนลงช้าๆ แล้วก็หยุด แล้วก็ขยับช้าลงอีก แล้วก็หยุด
ซึ่งผมได้แค่หันไปมอง และป้องกันด้วยสายตา...เพราะขยับตัวไม่ได้เสียแล้ว :P
...
ระหว่างทำธุระไป...ผมก็นึกตำหนิตัวเองไปด้วย ว่ากะแค่เสียเวลาเพิ่มขึ้นอีกแค่ 1 วินาที เพื่อวางถุงให้เรียบร้อย ทำไมไม่ทำ?
เพราะถ้าทำให้ดีตั้งแต่แรก ผมก็ไม่ต้องมาเอี้ยวคอคอยลุ้นว่าถุงจะตกรึเปล่า อีกกว่าสิบวินาที (ไม่ได้จับเวลาจริงจังนะครับ...อิอิ)
นึกเหมือนผมบ้างมั๊ยครับ? ว่าบ่อยครั้งเหลือเกินที่เรามักง่ายแบบไม่เข้าท่า เพราะจะรีบทำเวลา...
แต่กลับกลายเป็นว่า ใจเราน่ะ ต้องมามัวพะวงกับอะไรที่เราทำไปลวกๆ ไว้ก่อนหน้า
คุ้มมั๊ยหนอ? กับแค่การประหยัดเวลาเท่าผีเสื้อกระพือปีก แต่กลายเป็นใจต้องมารู้สึกเหมือนไฟเผาอยู่เป็นนานสองนาน
เป็นต้นว่า รีบออกจากบ้าน แล้วจำไม่ได้ว่าล็อคบ้านรึยัง?, เสียบปลั๊กเตารีดไว้รึเปล่า?, ให้ข้าวหมารึยังนะ?, ฯลฯ
...แล้ววันทั้งวันเราก็ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ อยู่นั่นเอง ส่วนพวกที่กังวลหนักเข้าหน่อยก็ถึงกับต้องย้อนกลับไปดูอีกทีให้แน่ใจกันเลยทีเดียว
...
ไม่รู้จะโมเมว่านี่เป็นนิสัยของคนเมืองได้รึเปล่าหนอ? ที่ทำอะไรก็ดูจะรีบเร่งและฉาบฉวยไปมาก...จนกลายเป็น "รีบจนล่ก"
แล้วรีบจนล่กนั่นเอง...ที่นำเราหลายๆ คนไปสู่ "การได้ไม่คุ้มเสีย" ในที่สุด
ซึ่งเวลาทำงานก็ไม่ต่างกันครับ...เราคิดแต่จะเร่งงานให้เสร็จโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของงานรึเปล่า?
คิดแต่ว่าจะเร่งๆ ให้เสร็จงาน ให้มันพ้นๆ ไป...ดีไม่ดี นายอาจสั่งให้แก้ใหม่ทั้งหมด แปลว่า ที่เผางานไปไม่ได้ทำให้ประหยัดเวลา แต่ทำให้เสียเวลาเป็น 2 เท่า แถมเสียเครดิตไปอีกไม่รู้เท่าไหร่?
ปรัชญาจากห้องน้ำ จึงเตือนใจผมว่า
...ทำอะไรด้วยความรีบได้ แต่อย่าล่ก และทำงานด้วยความเร็วที่มากขึ้นได้ แต่คุณภาพต้องไม่ตก...
#รีบได้แต่อย่าล่ก #ได้ไม่คุ้มเสีย #ทุเรศแค่ไหนถามใจดู #ปรัชญาจากห้องน้ำ
Comments
Post a Comment