Post#4-104:
หลายวันก่อน มีลูกน้องของผมท่านหนึ่ง ส่งข้อความมาปรึกษาและปรับทุกข์กลายๆ สรุปความประมาณว่า "...ไม่อยากส่งเงินให้แม่เลยพี่ ส่งไปให้ท่านก็เอาไปเล่นหวยหมด..."
แล้วก็ขอคำปรึกษาผม ว่าจะห้ามแม่ยังไงดี?
ฟังแล้วก็เหมือนเกิด DejaVu...นึกถึงเรื่องของตัวเองในสมัยก่อน
ว่าแล้วก็เลยถือโอกาสเล่าให้ท่านอื่นๆ ฟังไปพร้อมๆ กับลูกน้องผมเสียเลย
...
สมัยผมยังเป็นหนุ่มฟ้อ (แต่ไม่ได้หล่อเฟี้ยว)...พอเริ่มทำงานมีเงินเดือน ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องแบ่งเงินเดือนส่วนหนึ่งให้กับคุณพ่อและคุณแม่
พอเปลี่ยนจากฝ่ายขอเงินมาเป็นให้เงิน ผมก็ดันไปสร้างข้อแม้กับคุณแม่...ไปขอกับท่านว่า อย่าเอาเงินไปใช้ทำอย่างนั้น ให้คนนู้น ซื้ออันนี้
คุณแม่บอกผมว่า "ถ้ามันจะต้องมีเงื่อนไขมากนัก ก็ไม่ต้องให้"
พักเรื่องที่คุณแม่ของผมท่านไม่พอใจไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ
...
คนเรานั้นมีความสุขในการจับจ่ายใช้สอยแตกต่าง กัน
บ้างก็หมดเงินไปกับการซื้อของแต่งรถ, แต่งบ้าน, ซื้อเสื้อผ้า, เข้าครัว, ทำบุญ หรือเรื่องอื่นๆ แล้วแต่ความชอบของตน
และไม่ว่าเราจะหมดเงินหมดไปกับเรื่องอะไรก็ตาม...ยังไงก็จะมีเสียงมาเข้าหูเราอยู่ดี ว่าเราใช้เงินหมดไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
...
ย้อนกลับมาที่เรื่องของคุณแม่...ที่ผมพักเอาไว้ช่วงต้น
ใช่ครับ...บางเรื่องที่คนอื่นทำ เค้าก็มีความสุขของเค้า เราก็ไม่น่าไปยุ่งวุ่นวายเลย
เช่นกันกับที่บางเรื่องเป็นเรื่องที่มีความหมายสำหรับเรามาก...แต่กับคนอื่น มันกลับกลายเป็นไร้สาระ ก็มี
เงินเดือนที่ให้คุณแม่ไป...จึงควรถือว่าจบหน้าที่ของเราแล้วโดยสมบูรณ์...เรามีหน้าที่ให้เงินท่านไว้ใช้สอย ส่วนหน้าที่ว่าจะใช้เงินไปทำอะไร นั่นเป็นเรื่องของท่าน ว่างั้นครับ
...
จะว่าไป สมัยที่ท่านให้เงินเราใช้ ท่านก็ไม่เคยมาห้ามเราว่า อย่าใช้เงินแบบนั้น นู้น นี้ นะ...อย่างมาก ท่านก็จะสอนเราว่า อย่าใช้ให้มันสุรุ่ยสุร่ายนัก...ก็เท่านั้น
ดังนั้น หากเราไปรู้หรือได้ยินมาว่า ท่านเอาเงินไปใช้กับเรื่องใดมากนัก...ก็แค่แสดงความเป็นห่วงแต่พองาม ในวันและเวลาที่เอื้ออำนวย จะดีกว่า
...ฝากทิ้งท้ายไว้ให้คิด ว่าเราให้เงินท่านไว้ใช้เพื่อความสุขของท่าน...เราจึงไม่ควรกลายเป็นคนทำให้ท่านไร้ความสุขเสียเอง...
#สุขของเราคือการให้ #สุขของท่านคือการใช้ #อย่าก้าวล่วงความสุขของท่าน #เราให้ในส่วนที่กันไว้ให้ท่านแล้ว #ที่เหลือเป็นเรื่องของท่าน
หลายวันก่อน มีลูกน้องของผมท่านหนึ่ง ส่งข้อความมาปรึกษาและปรับทุกข์กลายๆ สรุปความประมาณว่า "...ไม่อยากส่งเงินให้แม่เลยพี่ ส่งไปให้ท่านก็เอาไปเล่นหวยหมด..."
แล้วก็ขอคำปรึกษาผม ว่าจะห้ามแม่ยังไงดี?
ฟังแล้วก็เหมือนเกิด DejaVu...นึกถึงเรื่องของตัวเองในสมัยก่อน
ว่าแล้วก็เลยถือโอกาสเล่าให้ท่านอื่นๆ ฟังไปพร้อมๆ กับลูกน้องผมเสียเลย
...
สมัยผมยังเป็นหนุ่มฟ้อ (แต่ไม่ได้หล่อเฟี้ยว)...พอเริ่มทำงานมีเงินเดือน ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องแบ่งเงินเดือนส่วนหนึ่งให้กับคุณพ่อและคุณแม่
พอเปลี่ยนจากฝ่ายขอเงินมาเป็นให้เงิน ผมก็ดันไปสร้างข้อแม้กับคุณแม่...ไปขอกับท่านว่า อย่าเอาเงินไปใช้ทำอย่างนั้น ให้คนนู้น ซื้ออันนี้
คุณแม่บอกผมว่า "ถ้ามันจะต้องมีเงื่อนไขมากนัก ก็ไม่ต้องให้"
พักเรื่องที่คุณแม่ของผมท่านไม่พอใจไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ
...
คนเรานั้นมีความสุขในการจับจ่ายใช้สอยแตกต่าง กัน
บ้างก็หมดเงินไปกับการซื้อของแต่งรถ, แต่งบ้าน, ซื้อเสื้อผ้า, เข้าครัว, ทำบุญ หรือเรื่องอื่นๆ แล้วแต่ความชอบของตน
และไม่ว่าเราจะหมดเงินหมดไปกับเรื่องอะไรก็ตาม...ยังไงก็จะมีเสียงมาเข้าหูเราอยู่ดี ว่าเราใช้เงินหมดไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
...
ย้อนกลับมาที่เรื่องของคุณแม่...ที่ผมพักเอาไว้ช่วงต้น
ใช่ครับ...บางเรื่องที่คนอื่นทำ เค้าก็มีความสุขของเค้า เราก็ไม่น่าไปยุ่งวุ่นวายเลย
เช่นกันกับที่บางเรื่องเป็นเรื่องที่มีความหมายสำหรับเรามาก...แต่กับคนอื่น มันกลับกลายเป็นไร้สาระ ก็มี
เงินเดือนที่ให้คุณแม่ไป...จึงควรถือว่าจบหน้าที่ของเราแล้วโดยสมบูรณ์...เรามีหน้าที่ให้เงินท่านไว้ใช้สอย ส่วนหน้าที่ว่าจะใช้เงินไปทำอะไร นั่นเป็นเรื่องของท่าน ว่างั้นครับ
...
จะว่าไป สมัยที่ท่านให้เงินเราใช้ ท่านก็ไม่เคยมาห้ามเราว่า อย่าใช้เงินแบบนั้น นู้น นี้ นะ...อย่างมาก ท่านก็จะสอนเราว่า อย่าใช้ให้มันสุรุ่ยสุร่ายนัก...ก็เท่านั้น
ดังนั้น หากเราไปรู้หรือได้ยินมาว่า ท่านเอาเงินไปใช้กับเรื่องใดมากนัก...ก็แค่แสดงความเป็นห่วงแต่พองาม ในวันและเวลาที่เอื้ออำนวย จะดีกว่า
...ฝากทิ้งท้ายไว้ให้คิด ว่าเราให้เงินท่านไว้ใช้เพื่อความสุขของท่าน...เราจึงไม่ควรกลายเป็นคนทำให้ท่านไร้ความสุขเสียเอง...
#สุขของเราคือการให้ #สุขของท่านคือการใช้ #อย่าก้าวล่วงความสุขของท่าน #เราให้ในส่วนที่กันไว้ให้ท่านแล้ว #ที่เหลือเป็นเรื่องของท่าน
Comments
Post a Comment