Skip to main content

Post#4-087: คนไทยรักในหลวง

Post#4-087:
ผมเชื่อว่า ไม่มีแผ่นดินใดในโลกนี้ ที่พสกนิกรจะมีความเคารพรักและเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ได้มากเท่ากับประเทศไทยของเรา

ด้วยเพราะแต่ครั้งโบราณมา นับตั้งแต่อาณาจักรสุโขทัย, อยุธยา, ธนบุรี จนกระทั่งกรุงเทพฯ...พวกเราต่างมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจและหลักชัยที่นำพาราชอาณาจักรของคนไทย ผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ได้เสมอมา

และคงเพราะด้วยเหตุนี้ พวกเราส่วนใหญ่จึงมีความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์อยู่ในสายเลือด และคงจะเป็นแบบนี้ต่อไปตราบเท่าที่ยังมีประเทศไทยอยู่บนแผนที่โลก

...

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ เสด็จสู่สวรรคาลัย เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา...องค์พระยุพราช ก็ได้สืบทอดบัลลังก์แล้ว ตามโบราณราชประเพณี

เหลือก็แต่เพียง ทรงเข้าพิธีบรมราชาภิเษกเท่านั้น ก็จะทรงเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยสมบูรณ์ตามโบราณราชพิธี

ซึ่งการที่ทรงมีพระราชบัณฑูรต่อประธานองคมนตรีและนายกรัฐมนตรี ให้มิต้องเร่งดำเนินการเรื่องการสืบทอดราชบัลลังก์ตามแบบแผนนั้น...

ก็ด้วยเพราะพระองค์ทรงยังอยู่ในช่วงพระโทมนัส ด้วยทรงต้องสูญเสียพระราชบิดา อีกทั้งต้องสูญเสียกษัตริย์ผู้เป็นที่รักไป เฉกเช่นชาวไทยทุกคน

...

แล้ววันนี้ ก็เป็นวันที่เราชาวไทยจะได้เปล่งเสียงร้อง "ทรงพระเจริญ" อีกครั้ง เพราะเรามีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 อย่างเป็นทางการแล้ว

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร...ซึ่งทรงเป็นอดีตพระบรมโอสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ของชาวไทย...กำลังจะต้องทรงสืบสานพระราชภารกิจแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ...เพื่อปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า

ทรงรับเป็น "พ่อของแผ่นดิน" สืบต่อพระราชปณิธานแห่งองค์พระบิดา...อันเป็นพระราชภารกิจอันยิ่งใหญ่ ที่ต้องทรงเป็น "ศูนย์รวมจิตใจ" ของคนไทยทั่วทั้งแผ่นดิน

ทรงกำลังจะต้องเป็น "องค์ความหวัง" ของคนไทยทั่วสารทิศ และทรงจะเป็นศูนย์รวมแห่งความเคารพรัก, ความศรัทธา ตลอดจนความจงรักภักดี เฉกเช่นพระราชบิดา ในพระบรมโกศ

...

ดังนั้น เราชาวไทยก็ควรจะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ทรงรับสืบทอดราชบัลลังก์ ทั้งที่พระองค์ท่านจะยังคงทรงพระอาดูรกับการเสด็จสู่สวรรคาลัยขององค์พระภูมิพล ในพระบรมโกศ...

เราควรต่างต้องรู้ว่า...พระองค์ทรงกำลังอยู่ในช่วงทรงโทมนัสที่มากมายกว่าพวกเราหลายร้อยเท่าพันทวี

แต่ก็ทรงรับพระราชภาระสำคัญนี้ เพื่อให้ปวงชนชาวไทยทั้งหลาย ได้มีหลักชัย ไว้ยึดเหนี่ยว

และผมก็แน่ใจว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณฯ ทรงมีพระปรีชาฌาญที่จะทรงรับทราบดีว่า พวกเราชาวไทยมีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรีมาช้านานเพียงใด

...

แม้เช้าวันที่ 14 ตุลาคม ภายใต้แผ่นดินรัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี จะเต็มไปด้วยความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ

แต่เช้าวันที่ 2 ธ.ค. นี้ ก็เป็นวันที่เราก้าวเข้าสู่รัชกาลที่ 10 อย่างเป็นทางการ ด้วยความหวังและความอบอุ่นในหัวใจ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณฯ จึงทรงเปรียบเสมือนตะวันดวงใหม่ ที่จะฉายแสงแห่งความหวัง สร้างความอบอุ่นและเชื่อมั่น ให้แก่ประชาชนชาวไทย

...และไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจที่จะพูดอย่างภาคภูมิใจว่า "คนไทยรักในหลวง"...

#ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ #รักพ่ออย่างไรจะรักลูกอย่างนั้น #เราจะเป็นพสกนิกรที่ดีภายใต้พระบารมีแห่งองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10 #เรารักในหลวง

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...